ยินดีต้อนรับเข้าสู่ www.smilethaiecotour.net ว็บไซต์นี้ดูแลและรับผิดชอบโดย บริษัท สไมล์ไทยอีโคทัวร์ สอบถามโดยตรงที่ (คุณป้อม) 089-1300020,02-4290545,084-4619254

BLOOMING HOKKAIDO 4N  ASAHIKAWA-BIEI-FURANO-OTARU-SAPPOROBY..THAI AIRWAYS INTERNATIONAL (TG) 

« อิ่มอร่อยกับรสชาติราเมนต้นตำรับแท้สไตล์ญี่ปุ่น “หมู่บ้านราเมน” ได้รับการกล่าวขานความอร่อยยาวนานกว่าทศวรรษ
« สัมผัสประสบการณ์ความเย็นแบบสุดขั้วในระดับ – 41 องศา ณ “พิพิธภัณฑ์ถ้ำน้ำแข็ง” สถานที่ที่ทำจากหิมะ
« ชมความสวยงามของทุ่งดอกไม้หลากสีสันที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ณ “เมืองฟุราโน
« นำท่านชมทุ่งข้าวบาร์เล่ย์ ไร่มันฝรั่ง ไร่ข้าวโพด ถนนที่ใช้ในการถ่ายทำโฆษณาที่สวยที่สุด ณ “เมืองบิเอะ
« ชื่นชมความงามของเหล่ามวลดอกไม้ที่ “สวนดอกไม้ชิคิไซ” ที่เบ่งบานพร้อมกันในฤดูร้อนเหมือนพรมหลากสี
« ชมความอัศจรรย์ “อาโออิเคะ” สระน้ำสีน้ำเงินที่สวยงามจับตาเหมือนต้องมนต์สะกด
« ตื่นตากับการจับจ่ายซื้อของที่ “ตลาดเช้า” เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งและทานอาหารทะเลแบบสดๆ
« ดื่มด่ำกับความงดงามของ “เมืองโอตารุ” เมืองที่เต็มไปด้วยลำคลองและต้นกำเนิดศิลปะ “เครื่องแก้วและกล่องดนตรี
« สนุกสนานเพลิดเพลินกับ “โรงงานช็อกโกแล็ต” สินค้าที่ขึ้นชื่ออีกอย่างของเกาะฮอกไกโด
« ตื่นตากับเมือง “ซัปโปโร” ชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ... “อดีตที่ว่าการรัฐบาล” & “หอนาฬิกาโบราณ
« ช้อปปิ้งจุใจย่านสุดฮิตที่ ถนนคนเดินทานุกิโคจิ / ซึซึกิโนะ ที่รวมสินค้าไว้หลากหลาย
r ผ่อนคลายกับการแช่น้ำแร่ธรรมชาติ (ONZEN)

วันที่หนึ่ง กรุงเทพฯ - ชิโตเซ่
2000 พร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ... ชั้นระหว่างประเทศขาออก (ชั้น 4) ณ เคาน์เตอร์ C
*** พบกับเจ้าหน้าที่ที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก ณ บริเวณหน้าเคาน์เตอร์หมายเลข C
(ใกล้กับประตูทางเข้าหมายเลข 2) ***
หมายเหตุ : เคาน์เตอร์เช็คอินปิดบริการก่อนเวลาเครื่องออก 60 นาที และไม่มีประกาศเตือนผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ดังนั้นผู้โดยสารจำเป็นต้องพร้อม ณ ประตูขึ้นเครื่องก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
2345 ออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Thai Airways เที่ยวบิน TG 670
(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง .... เวลาท้องถิ่นต่างจากเวลาประเทศไทย 2 ชั่วโมง)

วันที่สอง โรงงานเหล้าสาเก – หมู่บ้านราเม็ง – พิพิธภัณฑ์ถ้ำน้ำแข็ง - น้ำตกกิงกะ & น้ำตกริวเซย์ - โซอุนเคียว
0830 ถึงสนามบินชิโตเซ่ “เมืองซัปโปโร” ประเทศญี่ปุ่น ถือว่าเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 5 ของญี่ปุ่น และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การศึกษา และการเมืองการปกครองของเกาะฮ็อกไกโด ... ผ่านพิธีศุลกากรและตรวจคนเข้าเมือง
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “เมืองอาซาฮิกาว่า” เมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากซัปโปโร ได้ชื่อว่าเป็นหลังคาของ ฮอกไกโดและเป็นเมืองที่หนาวที่สุดแห่งหนึ่งของญีปุ่น ... เพื่อนำท่านเดินทางสู่ “โรงงานเหล้าสาเกโอโตโกยาม่า” ซึ่งเป็นสาเกที่มีชื่อเสียงในระดับหัวแถวของญี่ปุ่น ... นำท่านชม “พิพิธภัณฑ์สาเก โอโทโกะ ยาม่า” ท่านจะได้ชมเรื่องราวประวัติการทำสาเกที่นิยมดื่มของชาวญี่ปุ่น ... ภายในมีการจัดแสดงเครื่องมือและกรรมวิธีในการผลิตสาเกในสมัยโบราณ มีอายุยาวนานกว่า 340 ปี ... โดยสาเกที่นี่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากเนื่องจากน้ำที่ใช้ในการหมักะมีต้นกำเนิดมากจากหิมะที่ปกคลุมยอดเขาตลอดทั้งปีของเทือกเขาไทเซะซึ และด้วยภูมิอากาศอันหนาวเย็นบวกกับการคัดสรรข้าวที่เหมาะสมที่สุดในการนำมาผลิตทำให้ได้สาเกรสเยี่ยม ... อิสระให้ท่านได้ชมกระบวนการผลิตและลิ้มลองสาเกรสชาติกลมกล่อมตามอัธยาศัย ... สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ “หมู่บ้านราเม็งแห่งอาซาฮีกาว่า” ศูนย์รวมร้านราเม็งติดอันดับของเมืองอาซาฮีกาว่าและของเกาะฮอกไกโด ... หมู่บ้านแห่งนี้ประกอบด้วยร้านราเมงที่มีชื่อเสียง 8 ร้านที่ต่างแข่งขันกันทำราเมงของตนเองให้อร่อยที่สุด เพื่อสืบทอดมรดกทางปัญญาที่ถ่ายทอดกันมาและยกระดับคุณภาพและมาตรฐานของราเมงอาซาฮีกาว่าเพื่อให้เป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก ... อิสระให้ท่านได้เลือกร้านเด็ดตามสไตล์ของท่านเองรับประกันความอร่อยแน่นอน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ หมู่บ้านราเม็ง (1)
หลังอาหารนำท่านสู่เมืองคามิคาวะเพื่อชม “พิพิธภัณฑ์ถ้ำน้ำแข็ง” เป็นสถานที่จัดถ้ำที่ทำจากหิมะ ท่านจะได้ชื่นชมกับผลงานการปั้นตุ๊กตาหิมะ ... นอกจากนี้ภายในถ้ำยังมีความสวยงามของหิมะที่เหมือนกับอยู่ในถ้ำหินงอกหินย้อย ... และไฮไลท์ที่สำคัญของที่นี่คือ “ห้องลมจำลอง” เชิญชวนท่านพิสูจน์ความเย็นในระดับ – 41 องศาเซลเซียส ถือเป็นลมพายุจำลองที่รุนแรงที่สุดในญี่ปุ่น ณ ขณะนี้ เมื่อกดปุ่มนี้จะมีลมพายุกระหน่ำพัดใส่ นอกจากนี้ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการปั้นหิมะเป็นรูปตุ๊กตา ... อิสระให้ท่านได้บันทึกภาพความประทับใจตามอัธยาศัย ... จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง “โซอุนเคียว” หมู่บ้านเล็กๆ อันแสนน่ารักที่อยู่ท่ามกลางหุบผาสูงและยังอยู่ในเขต “อุทยานแห่งชาติไดเซ็ทสึซัง” นอกจากนี้โซอุนเคียวยังเป็นแหล่งน้ำแร่ออนเซนที่มีชื่อเสียงโด่งดังของญี่ปุ่น ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นนับล้านเข้ามาตากอากาศ แช่น้ำแร่เพื่อสุขภาพและบำรุงผิวพรรณ ... เพื่อนำท่านเดินทางชมความงามของ “น้ำตกกิงกะ” หรือ “น้ำตกแม่น้ำสีเงิน” มีขนาดความสูง 120 เมตร ในฤดูร้อนน้ำที่ไหลลงมาจากหน้าผานั้นมีลักษณะเป็นเส้นขาวเล็กๆ ไขว้กันไปมาดูคล้ายเส้นด้ายสีเงินแสนงดงาม ... ส่วนไม่ไกลกันนักมีอีกหนึ่งน้ำตก “น้ำตกริวเซย์” หรือ “น้ำตกดาวตก” มีขนาดความสูง 90 เมตร เนื่องจากน้ำตกที่ไหลออกมาจากชะง่อนผานั้นเมื่อต้องกับแสงอาทิตย์ ดูงดงามคล้ายกับดวงดาวที่กำลังตกมาจากฟากฟ้า ... นอกจากนี้น้ำตกทั้งสองยังได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกคู่สามีภรรยาอีกด้วย ส่วนในช่วงฤดูหนาวน้ำตกทั้งสองแห่งนี้จะแข็งตัวกลายเป็นน้ำแข็ง ... อิสระให้ท่านเที่ยวชมได้ตามอัธยาศัยและบันทึกภาพความสวยงามตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม (2)
^_^ หลังอาหารไม่ควรพลาดประสบการณ์ “การอาบน้ำแร่ธรรมชาติ”เพื่อสุขภาพ/ “โอนเซ็น” (Onsen) น้ำแร่ในไสตล์ญี่ปุ่นให้ท่านได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าน้ำแร่ธรรมชาตินี้มีส่วนช่วยเรื่อง โรคภัยไข้เจ็บและผิวพรรณเปล่งปลั่ง
ที่พัก : Sounkyo Grand Hotel หรือเทียบเท่า

วันที่สาม บิเอะ - Blue Pond - สวนดอกไม้ชิคิไซ – นั่งรถไฟ JR (บิเอะ-ฟุราโน่) – ฟาร์มโทมิตะ – ซัปโปโร
เช้า รับประทานอาหารเช้า ที่ห้องอาหารของโรงแรม (3)
นำท่านเดินทางสู่เมือง “บิเอ” เมืองที่มีเนินเขาสลับซับซ้อนเป็นทิวแถว ทำให้เกิดภาพวิวที่มีลักษณะสวยงาม ซึ่งคนญี่ปุ่นนิยมใช้เมืองนี้เป็นฉากหลังสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ และ โฆษณาต่างๆ ... เพื่อนำท่านชมความงดงามของ “สระน้ำสีน้ำเงิน หรือ อาโออิเคะ” สระน้ำสีน้ำเงินที่สวยงามจับตาเหมือนต้องมนต์สะกด ... สระนี้เกิดหลังจากการสร้างเขื่อนในต้นน้ำของแม่น้ำบิเอะ เขื่อนได้สร้างขึ้นเพื่อป้องกันการระเบิดของภูเขาโทคาชิ ซึ่งเกิดระเบิดขึ้นในเดือนธันวาคม ปี 1988 ... การสร้างเขื่อนได้มีผลทำให้กระแสน้ำของแม่น้ำบิเอะไหลย้อน และสะสมจนกำเนินเกิดบ่อน้ำสีน้ำเงินในป่า แร่ธาตุในน้ำซึ่งเป็นแร่อลูมิเนียมไฮด๊อกไซด์ ทำให้เกิดคลื่นแสงสีฟ้าเช่นเดียวกับชั้นบรรยากาศโลกสะท้อนเป็นกระจกส่องประกายระยับตัดกับทิวไม้ ที่ลอบล้อมในธรรมชาติได้งดงามจับใจ ... อิสระให้ท่านได้เก็บภาพประทับใจตามอัธยาศัย ... จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “สวนชิคิไซ โนะ โอกะ” ให้ท่านเดินชมสวนดอกไม้นานาชนิดตั้งอยู่บนเนินเขาลดหลั่นกันอย่างสวยงามซึ่งมีชื่อว่า “Hill of Shikisai” มีขนาด 7 เฮกเตอร์ ... ให้ท่านเที่ยวชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอย่างเต็มอิ่ม กับสวนที่ได้รับสมญานามว่าเป็น “Flower Paradise” พบกับความงามของเหล่ามวลดอกไม้ที่แข่งกันอวดสีสันกันเหมือนพรมหลากสีที่เบ่งบานพร้อมกันในฤดูร้อนของฮอกไกโด ... อีกทั้งภายในสวนยังมีจำหน่ายผลผลิกทางการเกษตร ของที่ระลึกและร้านอาหารไว้คอยบริการ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (4)
หลังอาหารนำท่านเปลี่ยนบรรยากาศในการเดินทางโดยการ “นั่งรถไฟ” มุ่งหน้าสู่ “เมืองฟุราโน่” ให้ท่านชื่นชมทัศนียภาพตลอดสองข้างทาง ... จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “ฟาร์มโทมิตะ” สัมผัสความงดงามของทุ่งสายรุ้ง หลากหลายด้วยสีสันสลับกันอย่างงดงามราวกับภาพวาด ... ซึ่งภายในฟาร์มแห่งนี้มีดอกไม้อยู่ทั้งหมด 6 สวน ที่ผลัดกันออกดอกเบ่งบานสลับกันตามฤดูกาล อาทิ เช่น ทุ่งดอกราเวนเดอร์, ทุ่งดอกทิวลิป, ทุ่งดอกป๊อบปี้ เป็นต้น ... ในฤดูร้อนสำหรับฮอกไกโดนี้นักท่องเที่ยวนิยมมาชมดอกไม้กันมากที่สุด คือ ช่วงปลายเดือนมิถุนายน และสิงหาคม ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้ทุกสวนพร้อมใจกันผลิบานและส่งกลิ่นหอม โดยท่านจะได้เดินชมทุ่งดอกไม้ต่างๆ ที่สวยงามทอดยาวไปสุดลูกหูสายตา มองแล้วสุดแสนโรแมนติคยิ่งนัก... อิสระให้ท่านได้เลือกบันทึกภาพความงามตามอัธยาศัย ... หรือจะเลือกศึกษาประวัติความเป็นมาและวิวัฒนาการต่างๆ ของฟาร์มได้ที่ “Hanabito House” ... เลือกเพลินตากับ “ดอกลาเวนเดอร์” ที่สวยสดได้ทั้งปีที่ “Green House” (เปิดให้ชมเฉพาะบางเดือน) ... หรือจะ “เลือกชมและซื้อ” ผลิตภัณฑ์จากดอกไม้แห้งได้ที่ “Dried Flower House” ... แล้วมาสูดกลิ่นความหอมของมวลดอกไม้หลากหลายชนิดที่ได้ทำการสกัดมาเป็นน้ำหอมที่ “Perfume Workshop”... หรือจะเลือกนั่งจิบชา-กาแฟ หรือทานไอศกรีมรสชาติหอมอร่ย พร้อมชมธรรมชาติให้เพลินตาที่ “Potpourri House” ตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (5)
ที่พัก : Apa Hotel & Resort Sapporo
วันที่สี่ เมืองโอตารุ – คลลองโอตารุ - ถนนซาไคมาจิ – นาฬิกาไอน้ำโบราณ – พิพิธภัณฑ์เครื่องแก้วและกล่องดนตรี
โรงงานช็อกโกแล็ต - ซัปโปโร
เช้า รับประทานอาหารเช้า ที่ห้องอาหารของโรงแรม (6)
นำท่านออกเดินทางสู่ “เมืองโอตารุ” ศูนย์กลางการค้าทางน้ำที่โดดเด่นที่สุดในเกาะฮอกไกโด ... ระหว่างทางท่านจะได้เพลินตากับทัศนียภาพอันงามตาของธรรมชาติและภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายของญี่ปุ่น ... ถึงเมือง “โอตารุ” เมืองที่ท่านจะได้ซึมซับกับภาพบรรยากาศและกลิ่นอายประหนึ่งว่าเดินอยู่ในเมืองเวนิส ... นำท่านแวะชม “คลองโอตารุ” ที่มีความยาว 1,140 เมตร และเชื่อมต่อกับอ่าวโอตารุ ซึ่งในสมัยก่อนประมาณ ค.ศ. 1920 ที่ยุคอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือเฟื่องฟู คลองแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นเส้นทางในการขนส่งสินค้า จากคลังสินค้าในตัวเมืองโอตารุออกไปยังท่าเรือบริเวณปากอ่าวให้ท่านเดินเล่น พร้อมถ่ายรูปตามอัธยาศัยกับอาคารเก่าแก่ริมคลองและวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ... แล้วนำท่านเดินสู่ “ถนนซาไกมาจิ” (Sakaimachi Street) ย่านช้อปปิ้งสำคัญของเมืองตั้งอยู่ไม่ไกลจากคลองโคตารุ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ร้านเครื่องแก้ว” “พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี” และ “นาฬิกาไอน้ำโบราณ” ... นอกจากนี้ตลอดทั้งสองข้างทางของถนนซาไกมาจิ ยังเต็มไปด้วยร้านค้าขายขนมแสนอร่อยนานาชนิด อาทิ ช็อคโกแล็ต Le TAO ที่มีขายเฉพาะที่โอตารุ เค้กและขนมอันเลื่องชื่อต่างๆมากมาย ของที่ระลึกและร้านอาหาร ร้านกาแฟ ให้ท่านเดินชมได้ตามอัธยาศัย ... จากนั้นนำท่านถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับ “นาฬิกาไอน้ำโบราณ” สไตล์อังกฤษ ที่เหลืออยู่เพียง 2 เรือนบนโลกเท่านั้น ... ซึ่งเป็นของขวัญจากเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนนาดามอบให้กับเมืองโอตารุ ... นาฬิกาจะมีเสียงดนตรีดังขึ้นทุกๆ 15 นาทีและจะพ่นไอน้ำออกมาทุกๆ ชั่วโมง เหมือนกับนาฬิกาไอน้ำอีกเรือนที่ลอนดอน ... อิสระให้ท่านเดินชมได้ตามอัธยาศัย ... พร้อมนำท่านชื่นชมความงดงามของศิลปะที่ “พิพิธภัณฑ์เครื่องแก้วและกล่องดนตรี” ท่านจะได้ตื่นตากับเครื่องประดับและตกแต่งที่ทำมาจากแก้วมากมายหลากหลายรูปแบบที่งดงามยิ่งนัก ... หรือจะเลือกชม “กล่องดนตรี” รูปแบบต่างๆ ที่บรรเลงเพลงอันแสนไพเราะพร้อมทั้งชม “การสาธิต” การผลิตเครื่องแก้วด้วยช่างผู้ชำนาญการ ... อิสระให้ท่านได้ “เลือกซื้อเลือกชม” สินค้าที่ผลิตจากเครื่องแก้วต่างๆ ติดไม้ติดมือฝากคนทางบ้าน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (7)
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ “โรงงานช็อกโกแล็ต” สินค้าขึ้นชื่ออีกอย่างของฮอกไกโด เนื่องจากเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ “โคนม” คุณภาพเยี่ยมมากมายทั่วทั้งเกาะสภาพภูมิอากาศและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติทำให้ “ช็อกโกแล็ต” มีรสชาติดีเยี่ยมกลมกล่อมไม่แพ้ช็อกโกเแล็ตจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์เลยก็ว่าได้ ... ภายในโรงงานแห่งนี้มีการจัดแสดงอุปกรณ์การผลิตตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม แบบจำลองโรงงาน ท่านจะได้ชมขั้นตอน กระบวนการการผลิต และสามารถเลือกชมและเลือกซื้อสินค้าได้อย่าง จุใจ หรือหากท่านอยากจะลองทำชอคโกแล็ตด้วยฝีมือตัวเองก็สามารถทำได้
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (8)
ที่พัก : Apa Hotel & Resort Sapporo หรือเทียบเท่า

วันที่ห้า ตลาดเช้า – สวนยูริกาฮาระ – อดีตที่ว่าการรัฐบาล – หอนาฬิกาโบราณ –ช้อปปิ้งถนนคนเดินทานุกิ โคจิ – ซึซึกิโนะ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ที่ห้องอาหารของโรงแรม (9)
นำท่านเดินทางสู่ “ตลาดเช้า” นำท่านชมและเลือกซื้ออาหารทะเลต่างๆนานา อาทิเช่น ปลาแซลม่อน ปูยักษ์ทะเล หอยเชลล์ สัตว์น้ำเค็มสดๆจากทะเลชนิดต่างๆ เป็นต้น ตลาดแห่งนี้เป็นที่ตั้งทั้งร้านปลาสด ผักสดและผลไม้สด มากมายกว่า 70 ร้านค้าที่เอาสินค้าวางขายอย่างน่าชม ... จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “สวนยูริกาฮาระ” สวนน่ารักๆ อีกแห่งในเมืองซัปโปโร โดยจะปลูกดอกไม้ไปตามฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นกุหลาบ, ทิวลิป, ลูพิน, ไลแล็ค, ลาเวนเดอร์ เป็นต้น ... ในช่วงหน้าร้อนราวเดือนกรกฎาคมจะมีการจัดแสดง ดอกลิลลี่ อันเป็นสัญลักษณ์ของสวน ซึ่งก็มีอยู่กว่า 150 สายพันธุ์ ... แล้วนำท่านนั่งรถไฟขบวน “Lily Train” ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการนั่งรถฟไฟที่ขับเคลื่อนไปอย่างช้าๆ พร้อมกับชมความสวยงามในมวลหมู่ดอกไม้ตลอดทางรอบๆ ทั่วทั้งสวน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (10)
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ “อาคารที่ทำการรัฐบาลเก่า” สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1888 สถาปัตยกรรมของอาคารนี้ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งเมือง ซัปโปโร ทำให้นักท่องเที่ยวท้องถิ่นและต่างชาติรู้จักกันอย่างแพร่หลายสไตล์การสร้างของโดมแปดเหลี่ยม ... นำมาจากที่ทำการรัฐแมสซาซูเสทท์ในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ที่ออกแบบอาคารนี้เป็นสถาปนิกท้องถิ่น และสร้างอาคารนี้โดยใช้วัสดุภายในประเทศ อาคารนี้เคยเป็นอาคารที่ใหญ่และสูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และเป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาลเมจิ แต่ต่อมาถูกไฟไหม้ทำให้ต้องสร้างขึ้นมาใหม่ ในปี ค.ศ. 1911 ปัจจุบันถูกอนุรักษ์ไว้ให้เป็นสมบัติที่มีความสำคัญทางด้านวัฒนธรรม และสำหรับจัดงานเลี้ยงต้อนรับบุคคลที่สำคัญทางการเมืองของรัฐบาลญี่ปุ่น ... แล้วนำท่านชมสัญลักษณ์ของเมือง คือ “หอนาฬิกาโบราณ” เมืองซัปโปโร ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1878 ปัจจุบัน ถือว่าเป็นสัญลักษณ์คู่เมือง นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันมีค่าของชาวญี่ปุ่น ซึ่งยังคงบอกเวลาอย่างเที่ยงตรงมานานนับ 100 ปี ทั้งยังได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นสมบัติล้ำค่าทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นอีกด้วย ... สมควรแก่เวลานำท่านช้อปปิ้งย่าน “ซึซึกิโนะ” ที่มีร้านค้ามากกว่า 4,500 ร้านให้ท่านได้เลือกจับจ่ายซื้อของมากมาย เช่น ร้าน Big Camera จำหน่ายกล้องดิจิตอล เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็คทรอนิคส์ ร้าน100เยน ร้าน UNIQLO ขายเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่นร้าน Matsumoto Kiyoshi ขายยาและเครื่องสำอาง อาทิ Shisedo, Kose, Kiss, SKII, Kanebo ... ถนนในซัปโปโรจะไม่สมบูรณ์ไปได้เลยถ้าหากปราศจากร้านราเม็งซึ่งแหล่งที่ขึ้นชื่อ คือ “Ramen Yokocho” หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อว่า “ตรอกราเม็ง” ศูนย์รวมร้านราเมนที่ขึ้นชื่อที่สุดในซัปโปโร แต่ละร้านไม่ใหญ่โตนัก แต่จะสังเกตได้ว่าร้านไหนอร่อย จากจำนวนคิวของลูกค้าที่รออยู่
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (11)
บริการท่านด้วยบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างอาหารทะเลนานาชนิด อาทิ สุดยอดอาหารทะเลของฮอกไกโด “ปู 3 อย่าง” ทั้ง ปูสุไว ปูขน และปูทาราบะ หอยเชลล์ หอยนางรม หอมแมลงพู่ตัวโต กุ้งทะเล ให้ท่านได้ลิ้มลองรสชาติสดใหม่จากทะเล ซาชิมิปลาสดๆ ซูชิหน้าต่าง เช่น หน้าปลาไหลย่าง หน้าไข่ปลา หน้าหอยเชลล์ หน้ากุ้ง ฯลฯ
ที่พัก : Air Terminal Hotel หรือ Jozankei View Hotel หรือเทียบเท่า

วันที่หก ชิโตเซ่ – กรุงเทพฯ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ที่ห้องอาหารของโรงแรม (12)
(กรุณาตรวจสอบสัมภาระให้เรียบเรียบ เพื่อเตรียมเดินทางไปสนามบิน)
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ “สนามบินชิโตเซ่”
1045 ออกเดินทางจาก สนามบินชิโตเซ่ โดยเที่ยวบิน TG 671
1545 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม

หมายเหตุ : รายการอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม เนื่องจากสภาวะอากาศ, การเมือง, สายการบิน เป็นต้น

อัตราค่าบริการ วันที่ 3-8 / 8-13 ก.ค. 58


ผู้ใหญ่ ท่านละ                                                                     ท่านละ

57,900.- บาท

เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี (พักกับ ผู้ใหญ่ 1 ท่าน)                          ท่านละ

57,900.- บาท

เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี (พักกับ ผู้ใหญ่ 2 ท่าน มีเตียงเสริม)         ท่านละ

51,900.- บาท

เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี (พักกับ ผู้ใหญ่ 2 ท่าน ไม่มีเตียงเสริม)     ท่านละ

42,900.- บาท

พักเดี่ยวเพิ่ม                                                                        ท่านละ

8,000.- บาท

มีตั๋วแล้วลด                                                                        ท่านละ

25,000.- บาท

อัตราค่าบริการ วันที่ 19-24 ก.ค. 58


ผู้ใหญ่ ท่านละ                                                                     ท่านละ

59,900.- บาท

เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี (พักกับ ผู้ใหญ่ 1 ท่าน)                          ท่านละ

59,900.- บาท

เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี (พักกับ ผู้ใหญ่ 2 ท่าน มีเตียงเสริม)         ท่านละ

53,900.- บาท

เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี (พักกับ ผู้ใหญ่ 2 ท่าน ไม่มีเตียงเสริม)    ท่านละ

44,900.- บาท

พักเดี่ยวเพิ่ม                                                                       ท่านละ

8,000.- บาท

มีตั๋วแล้วลด                                                                        ท่านละ

25,000.- บาท

อัตราค่าบริการนี้รวม

  1. ค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน ไป – กลับชั้นทัศนาจร ตามเส้นทางและสายการบินที่ได้ระบุไว้ในรายการ
  2. ค่าที่พัก  ห้องละ 2 ท่าน  ตามโรงแรมที่ระบุไว้ในรายการ  หรือระดับเดียวกัน
  3. ค่าอาหาร, ค่าเข้าชม และค่ายานพาหนะทุกชนิด  ตามที่ได้ระบุไว้ในรายการ
  4. ค่าใช้จ่ายของมัคคุเทศก์ที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับท่านในตลอดการเดินทาง
  5. ค่าประกันอุบัติเหตุในระหว่างการเดินทางในวงเงิน ท่านละ  1,000,000.- บาท

(หากอายุเกิน 70 ปีขึ้นไป ค่าประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง 50%)

อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม

  1. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว  อาทิ ค่าอาหาร-เครื่องดื่ม นอกเหนือจากรายการ, ค่าซักรีด, ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น
  2. ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย และค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม
  3. ค่าทำหนังสือเดินทาง
  4. ค่าภาษีเชื้อเพลิงที่ทางสายการบินอาจมีการเรียกเก็บเพิ่มเติมอีก !!!!!
  5. ค่าธรรมเนียมวีซ่าราคา 1,655 บาท (ประกาศยกเว้น ณ วันที่ 1 ก.ค. 56)

เงื่อนไขการชำระเงิน         - สำหรับการจอง กรุณาชำระมัดจำ ท่านละ 15,000.- บาท  

- ชำระยอดทั้งหมดก่อนการเดินทางอย่างน้อย 14 วัน

การยกเลิกและคืนค่าทัวร์

  1. ยกเลิกก่อนการเดินทาง 45 วันขึ้นไป คืนมัดจำทั้งหมด
  2. ยกเลิกก่อนการเดินทาง 30 วันขึ้นไป เก็บค่าใช้จ่ายเบื้องต้น 5,000 บาท
  3. ยกเลิกก่อนการเดินทาง 25-30 วัน ขอเก็บเงินมัดจากทั้งหมด
  4. ยกเลิกก่อนการเดินทาง 15-25 วัน ขอเก็บค่าใช้จ่าย 50% ของราคาค่าทัวร์ทั้งหมด
  5. ยกเลิกก่อนการเดินทางน้อยกว่า 15 วัน ขอเก็บค่าใช้จ่าย 100% ของราคาค่าทัวร์ทั้งหมด
  6. ยกเว้นกรุ๊ปที่ออกเดินทางช่วงเทศกาลวันหยุด เช่น ปีใหม่, สงกรานต์ เป็นต้น บางสายการบินมีการการันตีมัดจำที่นั่งกับสายการบินและค่ามัดจำที่พัก รวมถึงเที่ยวบินพิเศษ เช่น CHARTER FLIGHT จะไม่มีการคืนเงินมัดจำ หรือ ค่าทัวร์ทั้งหมด ไม่ว่ายกเลิกด้วยกรณีใดๆ
  7. กรณีที่ท่านมีความประสงค์จะยื่นวีซ่าและฟังผลวีซ่าหลังจากวันที่ทางบริษัทฯ ได้ดาเนินการออกตั๋ว เครื่องบินแล้ว ถ้าวีซ่าไม่ผ่าน ทางบริษัทฯ ขอเรียกเก็บค่าตั๋วเครื่องบิน 100% (ประมาณ 25,000 บาท แต่จะขึ้นอยู่กับราคาตั๋วเครื่องบินในแต่ละกรุ๊ป)
  8. กรณีที่กองตรวจคนเข้าเมืองทั้งกรุงเทพฯ และในต่างประเทศ ปฏิเสธมิให้เดินทางออก หรือ เข้าประเทศที่ระบุไว้ ในรายการเดินทาง บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนค่าทัวร์ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น

หมายเหตุ    

  1. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายการโดยมิต้องแจ้งล่วงหน้า รายการและราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม เนื่องจากสภาวะอากาศ, การเมือง, สายการบิน และอัตราแลกเปลี่ยน โดยทาง บริษัทฯ จะคำนึงถึงประโยชน์และความปลอดภัยของท่านเป็นสำคัญที่สุด
  2. ทางบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อการออกนอกประเทศ / ห้ามเข้าประเทศญี่ปุ่น / การนำสิ่งของผิดกฎหมาย / เอกสารการเดินทางไม่ถูกต้อง และความประพฤติส่อไปในทางเสื่อมเสีย รวมถึงภัยธรรมชาติ และการยกเลิกเที่ยวบิน
  3. บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น หากเกิดสิ่งของสูญหาย อันเนื่องเกิดจากความประมาทของท่าน, เกิดจากการโจรกรรม และ อุบัติเหตุจากความประมาทของนักท่องเที่ยวเอง
  4. เมื่อท่านตกลงชาระเงินมัดจาหรือค่าทัวร์ทั้งหมดกับทางบริษัทฯ แล้ว ทางบริษัทฯ จะถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ทั้งหมด